ขยะแบ่งได้เป็น 4 ประเภท คือ
1) ขยะที่ย่อยสลายได้ 2) ขยะรีไซเคิล 3) ขยะทั่วไป 4) ขยะพิษ
โดยขยะรีไซเคิล ประกอบด้วย แก้ว พลาสติก กระดาษ โลหะ และอโลหะ ซึ่งมีอยู่ประมาณร้อยละ 42 ของปริมาณขยะทั้งหมด โดยส่วนใหญ่จะสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้
แต่ที่ผ่านมาก็มักถูกทิ้งรวมกับขยะทั่วไป
ในบรรดาขยะรีไซเคิลนั้น กระดาษ เป็นวัสดุที่ย่อยสลายง่ายที่สุด
เพราะผลิตจากเยื้อไม้ธรรมชาติ ทุกวันนี้ เรามีขยะกระดาษทั้งหมดกว่า 2 ล้านตันต่อปี มีการจัดเก็บและนำมารีไซเคิลได้ประมาณ 900,000 ตัน ส่วนที่เหลือถูกทิ้งปนเปื้อนกับขยะอื่นๆ จนไม่สามารถนำมารีไซเคิลได้
ส่วน แก้ว เป็นวัสดุที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ ปัจจุบันพบว่าขยะประเภทแก้วมีมากถึง
2 หมื่น 8 พันล้านใบ
ต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยขวดแก้วที่อยู่ในสภาพดี
จะนำกลับเข้าโรงงงาน ทำความสะอาด แล้วนำกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งสามารถใช้หมุนเวียนได้ถึง 30 ครั้ง
ส่วนขวดแก้วที่แตกแล้ว จะถูกนำไปหลอมกับวัตถุดิบเพื่อผลิตเป็นแก้วใหม่ ซึ่งเป็นการลดต้นทุน
และประหยัดพลังงานจากการผลิตแก้วจากวัสดุธรรมชาติ โดยแก้ว ที่รี-ไซเคิลใหม่ จะสามารถใช้งานได้เหมือนแก้วที่ผลิตใหม่โดยทั่วไป
ขณะที่ พลาสติก เป็นวัสดุที่สังเคราะห์มาจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมหรือน้ำมันดิบ
เป็นขยะที่ย่อยสลายยากมาก มีอายุยืนยาว ดังนั้นการนำพลาสติกมารีไซเคิล
จึงเป็นการจัดการขยะที่เหมาะสมที่สุด เช่นเดียวกับสินค้าประเภทโลหะ
และอโลหะ ที่ใช้เวลาย่อยสลายประมาณ 80 -100 ปี
ปัจจุบัน มีความพยายาม ที่จะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้นำชุมชน มีบทบาทสำคัญในการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการขยะมูลฝอย
โดยการนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ ทั้งในส่วนของการใช้ซ้ำและการแปรรูปเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่
และล่าสุด กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้ลงนามร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่
และจังหวัดลำพูน ดำเนินโครงการลด แยกขยะ และนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อเป็นโครงการนำร่องในพื้นที่อื่นๆ
ของประเทศ โดยตั้งเป้าหมาย
ลดปริมาณขยะชุมชนลงได้อย่างน้อย
25 %
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น